กลับมาสักทีสำหรับการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่เป็นการรีสตาร์ทหลังจากหยุดพักกันไปนานเกือบสามเดือนด้วยการหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไข้โควิด19 ซึ่งการแข่งเพียงแค่ค่ำคืนแรกที่มีการแข่งขันสองคู่ ระหว่าง แอสตัน วิลล่า พบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และแมนซิตี้ พบกับอาร์เซนอล
ซึ่งทั้งสองเกมก็มีเรื่องให้ดราม่ากันพอสมควร เพราะเพียงแค่คู่แรกที่เตะกันนั้น ก็เกิดความผิดพลาดในด้านของโกล์ไลน์ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดของฝ่ายกรรมการอย่างแท้จริง ซึ่งตลอดเกมนั้นเป็นแอสตัน วิลล่าที่ทำได้ดีกว่า แม้ว่าก่อนเกมนั้นจะเป็นเชฟยูไนเต็ด ที่เป็นต่อ
แต่พอเล่นจริงๆ ด้วยบอลหนีตายนั้นก็ทำให้วิลล่า วิ่งสู้ฟัด โดยจบเกมเสมอกันไปแบบจืดชืดศูนย์ต่อศูนย์ แต่ความดราม่าดันเกิดขึ้นมาในเวลาที่สี่สิบสอง เมื่อลูกฟุตบอลได้ผ่านเข้าประตูของแอสตัน วิลล่าไปเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความที่สัญญาณ โกลไลน์
ไม่ทำงานและไม่ได้ส่งสัญญาณไปที่นาฬิกาของผู้ตัดสิน จึงทำให้ลูกนี้ไม่ได้ตัดสินให้เป็นประตู ซึ่งหากใครได้ดูการถ่ายทอดสด หรือดูภาพย้อนหลังจะรู้ว่าลูกบอลมันเข้าประตูจริงๆ โดยหลังเกมได้มีการพูดถึงเทคโนโลยีตัวนี้
ซึ่งเจ้าของเทคโนโลยีนี้ได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษทีมเชฟยูไนเต็ด แล้วด้วยความผิดพลาดของเจ้าตัวเครื่อง ซึ่งผู้เสียประโยชน์อย่างเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ซึ่งคะแนนที่หายไปสองคะแนนของเชฟยูไนเต็ดนั้น อาจทำให้ทีมนี้ไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปก็เป็นไปได้ ส่วนผลเสมอนี้ก็ช่วยต่อลมหายใจให้กับแอสตัน วิลล่า อีกเฮือกหนึ่ง
ส่วนอีกคู่หนึ่งนั้นเป็นการได้รับชัยชนะอย่างขาดลอยด้วยสกอร์แมนซิตี้ชนะสามประตูต่อศูนย์ แต่ดราม่ามันเกิดขึ้นที่ว่า ดาวิด หลุยส์ ได้สร้างวีรกรรมอีกครั้ง ด้วยการทำเสียจุดโทษและโดนไล่ออกอีกครั้ง ย้ำว่าอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เค้าย้ายมาที่อาร์เซนอลนั้น
ได้ทำเสียจุดโทษถึงสี่ครั้งแล้ว และเป็นการไล่ออกครั้งที่สองของตัวเค้า แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นมันเป็นการเข้าสกัดที่เฟอะฟะและผิดจังหวะจริงๆ หนำซ้ำไปกว่านั้น ในเกมนี้อาร์เซนอล ต้องเสียผู้เล่นถึงสองคนในระยะเวลา เพียงแค่ไม่ถึงสิบนาที
ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงของทีมปืนใหญ่จริงๆ เพราะไม่รู้ว่านัดหน้าจะแก้ปัญหากันอย่างไร แต่ดูแล้วว่าอนาคตของ ดาวิด หลุยส์ คนนี้ไม่น่าจะได้ไปต่อกับอาร์เซนอล ในฤดูกาลหน้าแน่นอน ซึ่งก็คงต้องรอดูกันไปว่าจะเป็นอย่า
สนับสนุนโดย ดูบอล